ชายขอบนิยม
บัณฑิต ปิยะศิลป์ -
กระแสโลกาภิวัฒน์ได้สร้างพื้นที่ชายขอบและชุมชนชายขอบขึ้นมาในวัฒนธรรมโลกสมัยใหม่ (สุริยา สมุทคุปติ์และพัฒนา กิติอาษา , 2542) แนวคิดหลังสมัยนิยมทำให้เกิดแนวคิดชายขอบนิยม (Margilism) ให้ความสนใจที่จะศึกษาแนวคิดชายขอบนิยม ภาวะชายขอบนิยมเกิดจากการพัฒนาไม่ได้ขึ้นโดยธรรมชาติ โดยขั้นตอนของการพัฒนาในโลกแบ่งเป็นลำดับดังนี้ ความทันสมัยในยุโรป (การปฎิวัติอุตสหกรรม ) เกิดลัทธิอาณานิคม ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดรัฐชาติสมัยใหม่ ( ประเทศที่เคยตกเป็นอาณานิคมออกมาเรียกร้องเอกราช) การพัฒนาทุนนิยมอุตสาหกรรมและกระแสโลกาภิวัฒน์ ในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศมีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่การเติบโตดังกล่าวส่วนใหญ่จะตกอยู่ส่วนกลางหรือคนบางกลุ่ม ส่วนคนจนที่อยู่ในเมืองและชนบทจะถูกกีดกันให้ออกไปอยู่ข้างนอกระบบในกระบวนการพัฒนาหรือชายขอบ (Marginalized ) ภาวะชายขอบเพิ่มมากขึ้น เพราะกระแสโลกาภิวัฒน์ในโลกปัจจุบันสูงขึ้นเช่นกัน
แนวคิดหลังทันสมัยนิยมที่ให้ความสนใจศึกษาส่วนเล็ก ๆ ในสังคม จึงหันมาให้ความสนใจผู้ที่เป็นชายขอบ เป็นคนกลุ่มน้อยและเป็นคนด้อยโอกาสในสังคม ไม่ว่าจะเป็น ชาติพันธุ์กลุ่มน้อย คนพิการ ผู้ติดเชื้อเอดส์ พวกรักร่วมเพศ เป็นต้น ซึ่งแตกต่างกับการศึกษาสังคมในยุคทันสมัยนิยมที่ให้ความสำคัญในการศึกษาโครงสร้างสังคมขนาดใหญ่ ภาวะความเป็นชายขอบ พื้นที่หรือคนชายขอบจะมีสภาพเลื่อนไหลตามแนวคิดของแนวคิดหลังทันสมัยนิยม มีการทับซ้อนและหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยึดอะไรเป็นศูนย์กลางในการนิยามภาวะชอบขอบ อะไรเป็นประเด็นปัญหาหลักที่เราจะมอง เมื่อเรามองภาวะชายขอบจากปัญหา ปัจจัยหรือจากสังคมหนึ่ง คนที่เป็นชายขอบอาจจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง แต่ถ้าเรามองจากปัญหา ปัจจัยหรือจากสังคมอีกสังคมหนึ่ง กลุ่มคนที่เป็นชายขอบก็ย่อมเปลี่ยนไป ไม่มีความคงที่แน่นอน
ท้องถิ่นนิยม
ท้องถิ่นนิยมมีความหมายใกล้เคียงกับชุมชนหรือชุมชนนิยม ซึ่งในที่นี้หมายถึง พันธะผูกพันทางอารมณ์ที่มนุษย์ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและระดับกลุ่มมีต่อถิ่นที่อยู่อาศัย ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ประเพณี สัญลักษณ์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ของตนเอง หรืออุดมการณ์ ความคิด ความรู้และปฏิบัติการทางสังคมใด ๆ ทั้งที่เกิดขึ้นจากภายในและภายนอก เพื่อที่จะดิ้นรนต่อรอง ท้าทางและหาทางออกให้กับท้องถิ่นในด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง เป็นต้น ซึ่งอาจจะแสดงออกมาโดยการเคลื่อนไหวทางสังคม เช่น กลุ่มสมัชชาคนจน ดังนั้น ท้องถิ่นไม่ได้มีความหมายเพียงหน่วยในการตั้งถิ่นฐาน ตามที่ตั้งตามเขตการปกครองเท่านั้น ท้องถิ่นต่าง ๆ มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เป็น ?ชุมทางวาทกรรม? หรือ juncture of discourses (พัฒนา กิติอาษา, 2543) ที่เป็นผลผลิตของปฏิสัมพันธ์ และพลวัตรระหว่างผู้คนในท้องถิ่นกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น ธรรมชาติ เพื่อนบ้าน ระบบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ ร่วมถึงค่านิยม ความเชื่อ กระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นต้น ซึ่งกระแสโลกาภิวัฒน์มีส่วนผลักดันให้ผู้คนเริ่มหันกลับมามองวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ของตนมากขึ้น เพื่อตอบโต้อำนาจและการครอบงำของกระแสโลกาภิวัฒน์
ท้องถิ่นนิยมตามแนวคิดหลังสมัยนิยม มองว่าเป็นตัวแทนของความเป็นจริงที่ซับซ้อน ลื่นไหวและเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น ซึ่งมีประโยชน์ในการวิเคราะห์และการทำความเข้าใจปรากฎการณ์ทางสังคม สามารถช่วยให้เราอธิบายความสัมพันธ์ จุดเริ่มต้นและความแตกต่างหลากหลายทางทางปรากฏการณ์ทางสังคม แนวคิดหลังทันสมัยนิยมให้ความสำคัญกับการศึกษาที่เน้นท้องถิ่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะท้องถิ่นที่ยังไม่มีใครศึกษา รวมถึงท้องถิ่นที่มีลักษณะพิเศษ และเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการศึกษาทางสังคม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มแนวคิดทันสมัยนิยมไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะกลุ่มท้องถิ่นนิยมเป็นพื้นที่การศึกษาที่มีขนาดเล็ก การศึกษาดังกล่าวเป็นการสนับสนุนให้เกิดกระแสท้องถิ่นนิยมอีกทางหนึ่ง
จากแนวคิดทั้ง 3 แนวทาง ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการสร้างอัตลักษณ์ ชายขอบนิยมและท้องถิ่นนิยม การศึกษาของแนวคิดหลังทันสมัยนิยมเป็นการศึกษาที่มองถึงผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัฒน์ต่อสังคม ซึ่งทำให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่แนวคิดทันสมัยนิยมเน้นการศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ ซึ่งเหมือนกับว่ามีความต้องการที่จะให้สังคมพัฒนาไปเป็นสังคมวิทยาศาสตร์ เป็นสังคมที่มีความเจริญก้าวหน้าเช่นในปัจจุบัน (ผู้เขียน)
การประยุกต์ใช้แนวคิดทั้งสามในการวิจัยเพื่อการพัฒนาสังคม
กระบวนการสร้างอัตลักษณ์ ชายขอบนิยมและท้องถิ่นนิยม เป็นแนวคิดที่เกิดจากแนวคิดหลังทันสมัยนิยม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต้องการให้นักวิชาการ นักพัฒนา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญกับสิทธิและอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนานั้น (คนชายขอบ) แนวคิดชายขอบนิยมและท้องถิ่นนิยมเป็นการสะท้อนให้เราเห็นปัญหาการพัฒนาประเทศ ที่เน้นการพัฒนาแบบกระแสของประเทศตะวัน คือกระแสโลกาภิวัฒน์ การพัฒนาประเทศตามแนวคิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้การพัฒนาประเทศไทยมีความเสมอภาค แต่การพัฒนาดังกล่าวกลับทำให้เกิดกลุ่มผู้ที่ขาดโอกาสในการพัฒนา ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีจำนวนมาก หรือกลุ่มคนที่ถูกผลักออกจากระบบการพัฒนากลายเป็นคนชายขอบในที่สุด
การใช้แนวคิดทั้งสามเพื่อใช้ในการพัฒนาสังคม ก็คือการนำไปศึกษาถึงผลกระทบจากการพัฒนาสังคมจากนโยบายของรัฐ ว่าได้ส่งผลให้เกิดภาวะของความเป็นชายขอบต่อคนในสังคมใดบ้าง รวมทั้งการพัฒนาตามนโยบายของรัฐดังกล่าวทำให้ ความเป็นท้องถิ่นได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง เมื่อกลุ่มคนที่เป็นชายขอบเหล่านั้นได้รับผลกระทบเขาได้พยายามเอาตัวรอดหรือพยายามสร้างอัตลักษณ์ของตนเองใหม่หรือไม่ และการพยายามต่อสู้ของท้องถิ่นเพื่อให้ความเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นกลับคืนมา หรือการพยายามสร้างอัตลักษณ์ของท้องถิ่นในการพัฒนาตนเอง ซึ่งแนวคิดทั้งสามจะเป็นการสนับสนุนให้เกิดแนวคิดการพัฒนาแบบว่าส่วนร่วมมากขึ้น เปลี่ยนการพัฒนาจากการพัฒนาแบบ top down เป็นการพัฒนาจากชุมชน จากกลุ่มคนที่ควรจะได้รับการพัฒนา เมื่อเกิดการพัฒนาในท้องถิ่นก็จะทำให้การพัฒนานั้นกลายเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
จากhttp://www. thaingo.org
No comments:
Post a Comment